HPE เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ ProLiant รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความปลอดภัยขั้นสูง มีระบบ AI แบบอัตโนมัติ และประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้น
- Boonnada Phetnui
- 25 ก.พ.
- ยาว 3 นาที

HPE ProLiant Compute Gen12 ผ่านมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้าน IT ด้วยข้อมูลเชิงลึกจาก AI พร้อมช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 65%
กรุงเทพฯ – 25 กุมภาพันธ์ 2568 – บริษัทฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอนเตอร์ไพรส์ [Hewlett Packard Enterprise (NYSE: HPE)] ประกาศเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute Gen12 ใหม่จำนวน 8 รุ่น ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์เจเนอเรชันล่าสุดสำหรับองค์กรธุรกิจที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำหรับเวิร์กโหลดที่ซับซ้อน และช่วยเพิ่มผลผลิตงานด้วยคุณสมบัติการจัดการที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่นี้จะรองรับการทำงานร่วมกับโปรเซสเซอร์ Intel Xeon 6 รุ่นล่าสุดสำหรับการใช้งานทั้งในศูนย์ข้อมูลและสภาพแวดล้อมแบบเอดจ์

คริสตา แซทเทอร์ธเวต รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปของ HPE Compute กล่าวว่า “ลูกค้าของเรากำลังเผชิญกับเวิร์กโหลดที่ต้องใช้การประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลและมีความต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ เซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute Gen12 รุ่นใหม่นี้เป็นขุมพลังและให้ข้อมูลเชิงลึกด้านการจัดการที่จำเป็นต่อการเติบโตของธุรกิจพร้อม ๆ กับรักษาสมดุลระหว่างเป้าหมายด้านความยั่งยืนและต้นทุนในการจัดการให้แก่องค์กรต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งภาคสาธารณะ ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมเฉพาะ (Vertical industry) เช่น อุตสาหกรรมการเงิน การรักษาทางการแพทย์ และอื่น ๆ นี่จึงเป็นแพลตฟอร์มสำหรับองค์กรสมัยใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับโลกของไฮบริด โดยออกแบบมาพร้อมคุณสมบัติด้านความปลอดภัยและการควบคุมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถเอาชนะภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงความท้าทายด้านประสิทธิภาพที่ฮาร์ดแวร์รุ่นเก่าไม่สามารถแก้ไขได้”
ความปลอดภัยแบบครอบคลุม Chip-to-Cloud ตลอดวงจรชีวิตของเซิร์ฟเวอร์
กลุ่มผลิตภัณฑ์ HPE ProLiant Compute Gen12 สร้างมาตรฐานใหม่ให้การรักษาความปลอดภัยขององค์กรด้วยมาตรการป้องกันด้วยการสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับชิปจนถึงระบบคลาวด์ และตลอดทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตเซิร์ฟเวอร์ ซึ่ง HPE Integrated Lights Out (iLO) 7 มาพร้อมกับ "Secure Enclave" ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์รักษาความปลอดภัยแบบเฉพาะทางที่ได้รับการพัฒนาโดย HPE ตั้งแต่ต้นจนจบและถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทเอง เซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute ที่ติดตั้ง HPE iLO 7 จะช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันภัยคุกคามในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นเซิร์ฟเวอร์ตัวแรกที่มีความพร้อมในการต้านทานการโจมตีจาก Quantum Computing และเป็นไปตามข้อกำหนดสำหรับมาตรฐานความปลอดภัยการเข้ารหัสระดับสูง ได้แก่ การรับรอง FIPS 140-3 ระดับ 3[1]
คุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เสริมประสิทธิภาพด้วยชิปของ HPE iLO 7 ทำให้เซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant มีความโดดเด่นอย่างชัดเจน Secure Enclave ที่ฝังอยู่ในฮาร์ดแวร์ของเซิร์ฟเวอร์จะสร้าง Chain of Trust ที่แข็งแกร่ง เพื่อป้องกันการโจมตีในระดับเฟิร์มแวร์ และสร้างความมั่นใจในห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อถือได้ของ HPE ตั้งแต่โรงงานผลิตจนถึงการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธีผ่านบริการ HPE Onsite Decommission Services ซึ่งจะรวบรวมอุปกรณ์และขนส่งไปยังส่วนงานคัดแยกและรีไซเคิลที่ได้รับอนุญาต
ข้อมูลเชิงลึกจาก AI ช่วยปรับปรุงการจัดการด้านการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพระบบอัตโนมัติ และประหยัดพลังงาน
HPE Compute Ops Management เป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์บนคลาวด์ที่ช่วยให้องค์กรสามารถเสริมสร้างความปลอดภัยและเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานอัตโนมัติของเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับระบบการทำงานอัตโนมัติแบบคาดการณ์ล่วงหน้าเชิงรุก ที่ช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ด้วยการ คาดการณ์การใช้พลังงานล่วงหน้า และกำหนดเกณฑ์เพื่อควบคุมต้นทุนและลดการปล่อยคาร์บอนในระดับโลกได้ผ่าน Global Map View แบบใหม่ และยังช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถระบุปัญหาของเซิร์ฟเวอร์ในแต่ละสภาพแวดล้อมไอทีที่มีการกระจายตัวอยู่ในเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งชุดรวมเครื่องมือผู้ให้บริการ (Multi-Vendor Toolset Integration) ที่ช่วยลดเวลาที่ระบบหยุดทำงานได้ปีละ 4.8 ชั่วโมงต่อเซิร์ฟเวอร์[2] การเริ่มปรับใช้ระบบอัตโนมัติช่วยให้การตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์และการจัดการแบบต่อเนื่องนั้นทำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้งานระยะไกลหรือสำนักงานสาขาที่ไม่มีทรัพยากรด้านไอที
คุณสมบัติใหม่ทั้งหมดของ HPE Compute Ops Management รวมถึงข้อมูลเชิงลึกจาก AI มุมมองการจัดการบนแผนที่ (new map-based visibility) และการผสานการทำงานกับเครื่องมือจากผู้ให้บริการรายอื่น จะสามารถใช้งานได้กับเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute Gen10 และเซิร์ฟเวอร์รุ่นที่ใหม่กว่า
นอกจากนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในการประเมินการจัดซื้อในอนาคต HPE ได้พัฒนาเครื่องมือแบบสแตนด์อโลนที่เรียกว่า HPE Power Advisor ที่ช่วยคำนวณตัวชี้วัดประสิทธิภาพของสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ต้นทุนด้านพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute Gen12 เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ประหยัดพลังงาน และรองรับระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง
ผลิตภัณฑ์ HPE ProLiant Compute Gen12 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกับเวิร์กโหลดที่มีความต้องการสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, การประมวลผลแบบเอจคลาวด์แบบไฮบริด และโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานเสมือนจริง (VDI)
โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการพลังงงานไฟฟ้าในศูนย์ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ช่วยประหยัดพลังงาน และลดต้นทุน โดยมีประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่สูงขึ้นถึง 41% เมื่อเทียบกับรุ่นเก่า[3] อีกทั้ง เซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute Gen12 ยังสามารถประหยัดพลังงานได้มากถึง 65% ต่อปี[4] และช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มความจุของศูนย์ข้อมูลได้ โดยเซิร์ฟเวอร์ Gen12 เพียงเดียวสามารถให้ประสิทธิภาพการประมวลผลมากเท่ากับเซิร์ฟเวอร์ Gen10 จำนวน 7 เครื่อง[5]
“การร่วมมือกับพันธมิตรด้านฮาร์ดแวร์ที่น่าเชื่อถือและมีนวัตกรรมที่ทันสมัยอย่าง HPE ช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยเพิ่มศักยภาพให้ลูกค้าด้วยโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับเวิร์กโหลด"
วิลเลียม เบลล์ รองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ phoenixNAP กล่าว "เราเป็นลูกค้ารายแรกของโลกที่สั่งซื้อเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute Gen12 และได้สัมผัสถึงประโยชน์จากการอัปเกรดการใช้งานทันที จากการส่งมอบเทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้ในรูปแบบบริการ phoenixNAP ช่วยให้องค์กรทุกขนาดสามารถรับมือกับความท้าทายด้านประสิทธิภาพการทำงาน การประหยัดพลังงาน ความปลอดภัยของข้อมูล และการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานในระดับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการศูนย์ข้อมูลที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น HPE ได้นำเสนออุปกรณ์เสริมอย่าง ‘ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง (DLC)’ สำหรับ HPE ProLiant Compute Gen12 แบบซ็อกเก็ตเดี่ยวและซ็อกเก็ตคู่ที่ใช้โปรเซสเซอร์ของ Intel โดยของเหลวจะสามารถระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบระบายความร้อนด้วยอากาศถึง 3,000 เท่าเมื่อเทียบตามปริมาตร[6] HPE เป็นผู้นำด้านการพัฒนาระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง โดยเป็นผู้พัฒนาระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรงที่เร็วที่สุดในโลก[7] และด้วยสิทธิบัตร DLC มากกว่า 300 รายการ รวมถึงประสบการณ์มากกว่า 50 ปี HPE จึงถือเป็นผู้นำในการใช้งาน ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง สำหรับเซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูล
การวางจำหน่าย
เซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute Gen12 ใหม่ 6 เซิร์ฟเวอร์จากทั้งหมด 8 เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Xeon 6 จะวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ซึ่งรวมถึงเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute DL320, DL340, DL360, DL380, DL380a และ ML350 Gen12 ส่วนเซิร์ฟเวอร์ HPE Synergy 480 และ HPE ProLiant Compute DL580 Gen12 คาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วงฤดูร้อนของปี 2025
กลุ่มผลิตภัณฑ์ HPE ProLiant Compute Gen12 จะวางจำหน่ายแบบแยกเดี่ยว (Standalone) หรือผ่าน HPE GreenLake ซึ่งจะให้คุณสมบัติในการปรับขนาด การประหยัดต้นทุน และความคล่องตัวในการให้บริการ โดยสามารถซื้อโซลูชันเหล่านี้ได้ผ่านช่องทางพาร์ทเนอร์ที่ได้รับอนุญาต HPE Services จะช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์สูงสุดจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ HPE ProLiant Compute Gen12 โดยจะให้ความช่วยเหลือด้านการให้คำปรึกษา ความเชี่ยวชาญ การดำเนินงาน การบริหารจัดการ การเงิน และการบริหารจัดการสินทรัพย์เพื่อให้การดำเนินธุรกิจขององค์กรรวดเร็วยิ่งขึ้น
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
ค้นหาผู้ให้บริการ HPE Partner Ready ที่ได้รับอนุญาตได้ ที่นี่
[วิดีโอ] ความปลอดภัย ประสิทธิภาพการทำงาน และการประหยัดพลังงานที่เหนือชั้นด้วย HPE ProLiant Compute
ผลกระทบด้านความยั่งยืนของเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute Gen12
###
เกี่ยวกับ ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์
ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ (NYSE: HPE) เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่มุ่งเน้นการพัฒนาโซลูชันอัจฉริยะ ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถรวบรวม วิเคราะห์ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างไร้รอยต่อ บริษัทฯ สร้างนวัตกรรมที่ครอบคลุมทั้งด้านเครือข่าย ไฮบริดคลาวด์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยให้ลูกค้าพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ มีส่วนร่วมในรูปแบบใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.hpe.com
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ เฟลชแมน ฮิลลาร์ด ประเทศไทย:
ญาณินี กสิธรานนท์ โทร. 085-953-3330 อีเมล: yaninee.kasitaranon@fleishman.com
วาสนา โภคา โทร. 086-161-9910 อีเมล: Wassana.phoka@fleishman.com
[1] การรับรอง FIPS 140-3 ระดับ 3 คือ มาตรฐานของสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (NIST) และอัลกอริทึมความปลอดภัยเชิงพาณิชย์แห่งชาติ (CNSA) 2.0 ในการตรวจสอบโมดูลการเข้ารหัส
[2] Forrester Consulting, New Technology: The Projected Total Economic Impact™ ของ HPE Compute Ops Management ได้รับมอบหมายจาก HPE (มิถุนายน 2024) https://www.hpe.com/psnow/doc/a00141308enw
[3] อ้างอิงตามการวัดพลังงานภายในและประสิทธิภาพการทำงานโดยเปรียบเทียบเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute Gen12 แบบ 86 คอร์ กับเซิร์ฟเวอร์ Gen10 ซึ่งมีการกำหนดค่าแบบเดียวกัน
[4] ผลลัพธ์การวิเคราะห์ที่โพสต์บน spec.org SPECrate2017_int_base: #20893 เผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 01-01-2025 ข้อได้เปรียบด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์นั้นขึ้นอยู่กับการวัดพลังงานภายในและประสิทธิภาพการทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ที่กำหนดค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงเหมือนกัน และเปรียบเทียบกับระบบ Gen12 86 คอร์โดยประมาณ SPEC และ SPECrates เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Standard Performance Evaluation Corporation (SPEC)
[5] ผลลัพธ์การวิเคราะห์ที่โพสต์บน spec.org SPECrate2017_int_base: #20893 เผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 01-01-2025 ซึ่งเปรียบเทียบค่าพลังงานความร้อนโดยประมาณของเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute Gen12 แบบ 48 คอร์ SPEC และ SPECrates เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Standard Performance Evaluation Corporation (SPEC)
[6] สารหล่อเย็นเหลวที่มีส่วนประกอบของโพรพิลีนไกลคอลเป็นหลักสามารถระบายความร้อนได้เร็วกว่าอากาศที่มีมวลเท่ากันถึง 3.94 เท่า และมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศถึง 869.9 เท่า ทำให้สารหล่อเย็นเหลวชนิดนี้สามารถรองรับความร้อนได้มากกว่าอากาศที่มีปริมาตรเท่ากันถึง 3,427.5 เท่า
Comments