ชวนมารู้จัก "Monolith" Recommendation System ที่ TikTok ใช้จัดรูปแบบคอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ
- Boonnada Phetnui
- 4 พ.ย. 2565
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 22 ม.ค. 2566
ปัจจุบันคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักแอพพลิเคชั่นอย่าง TikTok (ติ๊กต๊อก) เป็นแอพพลิเคชั่นสัญชาติจีนที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยมีบริษัทหลักอย่าง ByteDance (ไบท์แดนซ์) ที่มีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ นับว่าเป็นบริษัทเอกชนจำกัดที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยปัจจุบัน TikTok ได้รับความนิยมสูงมากทั้งในกลุ่มเด็ก วัยรุ่น และสามารถขยายฐานผู้ใช้ได้มากขึ้นเรื่อยๆเข้าถึงกลุ่มวัยกลางคนและเกือบจะครอบคลุมผู้ใช้งานทุกช่วงอายุแล้ว ด้วยฟีเจอร์ของแอพที่ใช้งานง่าย มีฟีเจอร์ที่หลากหลายส่งผลให้คนสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ หรือวิดีโอ ที่น่าสนใจออกมาได้หลากหลายรูปแบบ สร้างความแตกต่าง ไม่ซ้ำใคร ทำให้คอนเทนต์บนTikTokที่เราได้เห็นกันนั้นมีความโดดเด่น น่าติดตามหลากหลายรูปแบบ หลายสไตล์
เบื้องหลังความสำเร็จนี้คงหนีไม่พ้นการคิดค้นพัฒนาและการออกแบบระบบหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพ ล่าสุด บริษัท ByteDance ได้ตีพิมพ์งานวิจัยถึง “ Monolith” ซึ่งเป็น Recomendation System ที่แอพTikTok ใช้อยู่ไว้อย่างน่าสนใจ
ทำความรู้จัก Recommendation System
User-Centric Design ถือเป็นตัวแกนหลักในการช่วยขับเคลื่อนการทำงาน ซึ่งเวลาที่เรากดติดตามคอนเทนต์ประเภทใดประเภทหนึ่ง หรือไถฟีดแล้วเจอสิ่งที่เราชอบ อย่างเช่นวิดีโอเกี่ยวกับทาสแมว เราก็จะเจอคอนเทนต์ประเภทนี้อยู่เสมอ ซึ่งเบื้องหลังการทำงานของระบบนี้จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังภาพเลย

Source: 3 Main Components — Created by Catherine Wang, All Rights Reserved
จากระบบการทำงานดังภาพด้านบนสรุปได้ ดังนี้
1.Content Data เนื่องจากTikTok เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากทำให้มี users generated content มากตามมา ซึ่งแต่ละคอนเทนต์ก็จะมีสไตล์ รูปแบบที่แตกต่าง มีเอกลีกษณ์เฉพาะตัวทำให้ระบบสามารถแยกคอนเทนต์แต่ละประเภทออกมาได้อย่างเหมาะสม
2 User Data มีการแบ่งประเภทของคอนเทนต์ตามกลุ่มข้อมูลUser โดยแบ่งตาม อายุ เพศต่าง ที่ดึงข้อมูลมาจากแอคเคาท์ของผู้ใช้งาน
3 Scenario Data ตัวนี้จะช่วย tracks ความชอบของผู้ใช โดยกำหนดจากคอนเทนต์ที่เราชอบดู หรือมี Interactบ่อยๆอย่างการกดไลค์ หรือคอมเม้นท์
สรุป Recommendation System
TikTok ได้สร้างจุดเปลี่ยนให้กับวงการดิจิทัลและเทคโนโลยีในหลายด้านทั้งในส่วนของระบบหลังบ้านและการสร้างคอนเทนต์เพื่อสื่อสารที่แตกต่างจากรูปแบบแพลตฟอร์มเดิมๆ
เราจะเห็นได้ว่าTikTok มีการใช้ระบบที่มีความเป็น auto มากขึ้น และใช้AIเข้ามาเป็นส่วนช่วยวิเคราะห์ในการทำงานเป็นหลัก ซึ่งหากใครเคยใช้แอพTikTokก็คงจะคุ้นเคยกับเครื่องมือ ฟีเจอร์ที่สะดวก ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก โดยเราสามารถตัดต่อvdoได้ด้วยตัวเองเพียงปลายนิ้ว
รู้จัก Capcut แอพพาร์ทเนอร์ ที่ออกแบบโดย ByteDance ซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok
นอกจากฟีเจอร์หลักที่น่าสนใจแล้ว ทางTikTokยังพัฒนาและสร้างแอพพิเคชั่นอื่นๆ หรือเป็น app partner ที่เข้ามา ช่วยsupport การใช้งานของแอพหลักให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น Capcut เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบโดย ByteDance ซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok ที่รวบรวม template วิดีโอที่น่าสนใจ หลากหลายรูแบบจาก creator ซึ่งเราสามารถกดเลือกtemplateที่ชอบแล้วเลือกภาพ วีดีโอ ของเราเพื่อทำการตัดต่อ จากนั้น Ai ก็จะทำการตัดต่อให้เสร็จภายใน30วินาที!!! โดยเราสามารถโพสต์คลิปนั้นลงTikTokได้อัตโนมัติไปอีก เรียกได้ว่าเป็น app partner ที่เข้ามาช่วยสร้างคอนเทนต์และ support user ได้อย่างมีประโยชน์

แอพCapCut แอพย่อยที่ออกแบบโดย ByteDance ซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok รวบรวม template วิดีโอที่น่าสนใจ หลากหลายรูปแบบเอื้อให้ผู้ใช้งานสะดวกมากขึ้นในการครีเอทคอนเทนต์
ดาวน์โหลดCapCutเพื่อทดลองใช้
Androids คลิก
AppStore คลิก
Lemon8 🍋 แอพย่อยสายคอนเทนต์ ไลฟ์สไตล์เครือเดียวกับTikTok

นอกจากนี้หากใครคุ้ยเคยกับการสร้างคอนเทนต์บน social media ก็จะต้องรู้จักกับแอพน้องใหม่อย่าง Lemon8 🍋 แอพรีวิว แนะนำสินค้า แชร์ไลฟ์สไตล์ที่ช่วยสร้างรายได้โดยตรงให้กับเหล่า Influencers ซึ่งแอพนี้มีก็เป็นแอพเครือเดียวกับ TikTok เช่นเดียวกัน มีจุดเด่นเหมือนกับTikTok โดยมีการใช้Ai เข้ามาช่วยสร้างคอนเทนต์รีวิวสินค้า ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์การแต่งบ้านที่รวม template รีวิวในสไตล์ต่างๆ, template แคปชั่น แบบต่างๆ เพียงเรานำรูปภาพ สินค้าต่างๆที่อยากรีวิว นำไปแต่งในแอพนี้เพียง 1-3 นาที ก็จะได้รูปภาพ รีวิวที่ดูดี มีประสิทธิภาพ และสามารถเข้าร่วมแคมเปญรีวิวที่น่าสนใจของแอพได้ทุกเดือนผ่านการโพสต์คอนเทนต์ที่น่าสนใจหรือทำตามเงื่อนไขแคมเปญที่ทางแอพกำหนด!!!
สรุปแล้วจะเห็นได้ว่าTikTok เป็นแอพที่กำลังเป็นที่นิยมและน่าจับตามองอย่างมากในอนาคต มีการใช้Ai ในการพัฒนาแอพ ช่วยสร้างความหลากหลายในการนำเสนอคอนเทนต์มที่น่าสนใจ ทั้งยังตอบโจทย์ความสะดวกสบายแก่userในการใช้งานแอพได้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของการใช้ AI ที่เข้ามาช่วยวิเคราะห์ ทำงานแทนคน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาของบริษัทเทคฝั่งเอเชียอย่าง ByteDance เชื่อว่าการมีฐานข้อมูลผู้ใช้เยอะและการพัฒนาโดยทีมที่มีแนวคิดกว้างไกล จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆได้อีกมากมาย! เราในฐานะผู้ใช้งานต้องคอยติดตาม จับตามมองบริษัท ByteDance ให้ดีๆเลยละ!
ขอบคุณที่ทุกท่านที่อ่านมาจนจบนะคะ สามารถติดตามอ่านบทความอื่น ๆ คลิก : Marketing Insight
Writer : บุณณดา เพ็ชรนุ้ย (น้ำ) - Founder Marketing Insight
พื้นที่แห่งการเรียนรู้ข่าวสารด้านการตลาดและธุรกิจ มุ่งอัพเดตความรู้ใหม่ๆและเทรนด์ที่น่าสนใจรอบโลก
หากไม่อยากพลาดข่าวสารใหม่ ๆ กดติดตาม Marketing Insight ไว้ก่อนใคร
เราพร้อมส่งข่าวการตลาด เทรนด์เศรษฐกิจและเรื่องราวของแบรนด์รอบโลกให้คุณแบบเรียลไทม์!
Facebook : Marketing Insight
Instagram : Marketinginsightth
.
Comments